อันโตนิโอ รือดิเกอร์ เซ็นเตอร์ฮาล์ฟทีม เรอัล มาดริด สร้างเซอร์ไพรส์

กับการเผยชื่อกองหลังที่ยึดถือเป็นไอดอลซึ่งเจ้าตัวยืนยันว่าเฝ้าศึกษาลีลาการเล่นมาตั้งแต่ต้นรือดิเกอร์ สตาร์ทีมชาติ เยอรมัน ย้ายจาก เชลซี มาค้าแข้งกับ ราชันชุดขาว แบบไม่มีค่าตัวในช่วงซัมเมอร์หลังสร้างชื่อใน พรีเมียร์ลีก ได้อย่างยอดเยี่ยมก่อนตัดสินใจอำลาทีมดังแห่งลอนดอนมาวาดลวดลายในลีกกระทิงดุ

กระทั่งล่าสุดเมื่อ20ก.ย.ขณะให้สัมภาษณ์กับสื่อเมืองไส้กรอกดาวเตะวัย 29 ปีได้เผยอย่างน่าช็อกว่าเขามีเปเป้กองหลังโปรตุกีส ของทีม ปอร์โต้ ซึ่งเคยค้าแข้งกับราชันชุดขาวมาก่อนเป็นไอดอล”เปเป้ เป็นไอดอลของผมที่ เรอัลมาดริดผมต้องการเป็นเหมือนเขาเสมอ ผมดูวิดีโอของเขา””ตอนนั้นผมยังเด็กและผมอยากแสดงให้ทุกคนเห็นว่าผมแข็งแกร่งเหมือนเขามันเหลือเชื่อมากที่เปเป้ ทำได้ดี””ไม่เฉพาะการเข้าสกัดเท่านั้นแต่ยังรวมถึงการเตรียมตัวก่อนเกมด้วยกระทั่งจนถึงวันนี้ทุกคนที่เรอัลมาดริดยังบอกกับผมว่านอกสนามเขาเป็นคนที่เยือกเย็นมาก”พร้อมกันนี้ รือดิเกอร์ ซึ่งยืนยันว่ามีราชันชุดขาวเป็นตัวเลือกเดียวหากตัดสินใจไม่ต่อสัญญากับ สิงห์บลูส์ เอ่ยถึง คาร์โล อันเชล็อตติ เจ้านายชาว อิตาเลี่ยน เช่นกันว่าเป็นคนที่น่าทึ่งอย่างแท้จริง”ตอนนั้นผมเพิ่งเข้ามาอยู่ในบ้านหลังใหม่ของเราได้ไม่กี่ชั่วโมง เรากำลังกินบาร์บีคิวกัน

และทันใดนั้นเสียงกริ่งประตูบ้านก็ดังขึ้น ผมเปิดประตู และ คาร์โล อันเชล็อตติ

ยืนอยู่ มันว้าวมากเลย””เขาร่วมโต๊ะอาหารกับเรา และเริ่มทำความรู้จักกับครอบครัวของผม เขาติดดินมาก เขาอยู่กับเราสองชั่วโมง เราคุยกันทุกเรื่อง””บอกตามตรง ผมไม่เคยมีประสบการณ์แบบนี้มาก่อนเลย ไม่มีโค้ชคนไหนเคยทำอะไรแบบนี้กับผม อันเชล็อตติ สุดยอดมากในเรื่องการดูแลนักเตะ ดอน คาร์โล คือตำนาน เขาได้แชมป์ แชมเปี้ยนส์ลีก ก่อนแล้วตอนที่ผมยังเด็ก”

อย่างไรก็ตามหลังจากที่ศึกพรีเมียร์ลีกฤดูกาล1993-94 เปิดฉากแล้วนั้นแมนฯซิตี้ก็มีผลงานที่เลวร้ายเริ่มจากนัดแรกของซีซั่นที่ทำได้เพียงเปิดเมนโร้ดเสมอกับลีดส์ 1-1 ต่อด้วยการแพ้ 3 เกมติดต่อกันไม่ว่าจะเป็นด้วยสกอร์ 0-1ในเกมเยือนเอฟเวอร์ตัน,พ่ายที่บ้านของสเปอร์สด้วยสกอร์เดียวกันต่อด้วยการปราชัยต่อแบล็คเบิร์นโรเวอร์สคาบ้าน 0-2พอถึงวันที่ 26 สิงหาคม แมนฯซิตี้ก็ประกาศปลดรีดออกจากตำแหน่งทำให้ในซีซั่นนั้นเขาได้นั่งเก้าอี้กุนซือแค่ 12 วันเหมือนกับดัลกลิชส่วนคนที่เข้ามาสานต่อจากเขาคือ ไบรอันฮอร์ตันโดยสุดท้ายซีซั่นนั้นแมนฯซิตี้ก็ได้อันดับที่ 16 ในลีกสเตอร์ร็อคได้รับงานกุมบังเหียน เซาธ์แฮมป์ตันตั้งแต่ช่วงเดือนมีนาคมของซีซั่น 2003-04 โดยฤดูกาลที่ว่าทีมได้อันดับ 12 ในลีก

อย่างไรก็ตาม ว่ากันว่าช่วงหนึ่งนั้นเขามีปัญหากับ รูเพิร์ต โลว์ ประธานของ เซาธ์แฮมป์ตัน หนักมากๆ เช่นกันในฤดูกาล 2004-05 เซาธ์แฮมป์ตัน เปิดฤดูกาลด้วยความเศร้าจากการออกไปแพ้ แอสตัน วิลล่า 0-2 ก่อนที่นัดต่อมาพวกเขาจะเปิดบ้านเฉือนชนะ แบล็คเบิร์น 3-2 เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม ปี 2004 จนทำให้ทีมเริ่มมีกำลังใจขึ้นมาบ้าง

ติดตามบทความข่าวสารอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่ twodollarpistol.com